เมนูนำทาง
ฉลอง ภู่สว่าง เส้นทางสู่การแต่งเพลงครั้งหนึ่งอายุประมาณ 14 ปีเรือเกลือได้ไปจอดค้างคืน ที่ท่าน้ำ วัดแหลมสุวรรณาราม ตำบลท่าฉลอม ในคืนนั้นมีงานวัดครูฉลองจึงได้ไปดูวงดนตรี "คณะบางกอกแมมโบ" ที่มาเล่นที่วัดบ้านแหลมรวมนักร้องที่มีชื่อเสียงมากมาย สมัยนั้นมีคุณ เอมอร วิเศษสุข คุณสมศรี ม่วงศรเขียว ครู สุรพล สมบัติเจริญ และ คุณเฉลิม (ทหารเรือ) และคุณ สมยศ ทัศนพันธ์ จึงมีโอกาสได้ดูดนตรีครูฉลองเห็นนักดนตรีเป่าแซกโซโฟนรู้สึกทึ่งมีปุ่มกดมากมาย ทำไมคนเรามีเพียง 10 นิ้วจะกดได้หมดเป็นความใฝ่ฝันมาตั้งแต่เด็ก ๆ จึงเกิดแรงบันดาลใจอยากจะได้สวมสูทและยืนเป่าเครื่องดนตรีกลับมาบ้านจึงได้ฝึกหัดสีซอกับลุงเติมครูฉลองมีโอกาสหยิบแซกโซโฟนมาทดลองเป่าเมื่อมีโอกาสครูฉลองร้องเพลงได้ดีเมื่อมีการประกวดร้องเพลงที่ไหนก็ขึ้นประกวดไปทั่วได้ที่ 1 บ้างไม่ได้บ้างก็ดิ้นรนใฝ่ฝันไปเรื่อย ๆ จนครบเกณฑ์ทหารก็ได้ไปรับใช้ชาติ 2 ปี ครูฉลองมีโอกาสไปเป็นทหารเรือทำการฝึก 2 เดือนจึงย้ายเหล่า เนื่องจากความรักในดนตรีเป็นชีวิตจิตใจจึงมีโอกาสไปอยู่วงดนตรี ทหารเรือ เริ่มฝึกเป่าแซกโซโฟนและได้เรียนโน้ตเพลงที่นี่ทำให้มีความสามารถและมีประการณ์มากขึ้นสามารถร้องเพลงแต่งเพลงและเล่นดนตรีได้บ้างพอสมควรเป็นทหารนาน 2 ปี 1 เดือนกว่า ๆ ก็ปลดประจำการกองพันที่ 6 กองทัพอากาศชักชวนให้ไปอยู่เพราะเห็นความสามารถของครูฉลองโดยมีคนบอกว่าฝึก 6 เดือนจะติดยศจ่าให้เมื่อออกจากทหารแล้วก็ไปสมัครอยู่กับคณะรำวงดาราน้อยที่ ชลบุรี ตอนนั้นครูฉลองสนใจรำวงติดสาวรำวงที่ชลบุรีครูฉลองเล่นดนตรีร้องเพลงมีรายได้คืนละ 200 - 300 บาทมีนักร้องร่วมรุ่นดังหลายคนสมัยนั้นคือ บุปผา สายชล , เรียม ดาราน้อย , พนม นพพร , บรรจบ เจริญพร จนในที่สุดเหลือครูฉลอง ภู่สว่างอยู่คนเดียวอยู่กับคณะรำวงได้ 5 ปี ก็กลับมาบ้านที่บางโทรัดทำงานอยู่ระยะหนึ่ง จากนั้นก็ไปอยู่กับวงดนตรี พนม นพพร และวงดนตรีของ บุปผา สายชลต่อมาครูฉลองแต่งงานและมีลูก 2 คนจึงเปลี่ยนอาชีพเป็นพายเรือค้าขายแต่กิจการไม่ดีมีหนี้สินมากขายเรือไปได้เงินมาหมื่นกว่าบาท แบ่งเงินไปซื้อแซกโซโฟนมา 1 ตัวราคาสองพันบาทมาเป่าชาวบ้านใกล้เรือนเคียงหนวกหูเริ่มหัดแต่งเพลงถึงตีหนึ่งตีสองไม่ได้หลับไม่ได้นอนภรรยาก็บ่นว่าเขียนไปทำไมเขียนแล้วจะเอาไปให้ใครครูฉลองหวังลึก ๆ ว่าสักวันหนึ่งต้องทำให้ได้ครูฉลองได้ออกตระเวนเล่นดนตรีเคยเป็นนักดนตรีประจำ กองดุริยางค์ทหารเรือ เป็นกองเชียร์รำวง และเล่นวงดนตรีกับ วงดนตรีจุฬารัตน์ ของครูมงคล อมาตยกุล วงของศรีไพร ใจพระ , บุปผา สายชล ,บรรจบ เจริญพร จึงตั้งวงดนตรีเป็นของตัวเองครูฉลองเขียนเพลงจริงจัง เมื่ออายุ 21 ปี เพลงแรกที่อัดแผ่นเสียงก็ดังเลยชื่อเพลง "ลาก่อนความโกหก" ร้องโดยนักร้องชื่อบุญมี (ต่อมาเปลี่ยนเป็นระพิน ภูไท) และได้เปิดออกอากาศทางสถานีวิทยุได้รับความนิยมพอสมควรจากนั้นก้ได้เริ่มแต่งเพลงต่างๆ ขึ้นมาอีกมากมายหลายเพลงเขียนให้ ระพิน ภูไท ร้อง 10 กว่าเพลง ซึ่งเพลงเหล่านี้ดังเกือบหมดทุกเพลง เช่น
ต่อมาครูฉลอง ภู่สว่าง ได้แต่งเพลง "เจ้าสินอนกอดไผ" "ไก่นาตาฟาง" ขับร้องโดย มานะ (จีระพันธ์ วีระพงษ์ เป็นนักร้องมาจากอำเภอบางซ้าย) เมื่อก่อนนี้มานะเคยอยู่ วงจุฬารัตน์ วง เสน่ห์ โกมารชุน มีนักร้อง ปัทมา สังข์ทอง , ศรีไพร ใจพระ , บรรจบ เจริญพร , ชาตรี ศรีชล , เรียม ดาราน้อย , ภูษิต ภู่สว่าง , ศรชัย เมฆวิเชียร , คัมภีร์ แสงทอง ระพิน ภูไท เสกศักดิ์ ภู่กันทอง (เพลงขันหมากเศรษฐี) ชายธง ทรงพล จากสิงห์บุรี (เพลงปูไข่ไก่หลง)
และได้แต่งเพลงอื่นๆขึ้นมาอีกมากมายหลายเพลง เช่น
เพลงประกอบภาพยนตร์ เช่น
แต่งให้กับสุนารี ราชสีมา 12 เพลงรวมผลงานเพลงที่แต่งไป ไม่น้อยกว่า 200 เพลง
เมนูนำทาง
ฉลอง ภู่สว่าง เส้นทางสู่การแต่งเพลงใกล้เคียง
ฉลอง ภักดีวิจิตร ฉลอง ภู่สว่าง ฉลอง สิมะเสถียร ฉลอง เรี่ยวแรง ฉลอง ปึงตระกูล ฉลองภพ สุสังกร์กาญจน์ ฉลองพระบาท ฉลองรัช ฉลองวาระกึ่งพุทธกาล ฉลองรัช (แก้ความกำกวม)แหล่งที่มา
WikiPedia: ฉลอง ภู่สว่าง http://www.youtube.com/watch?v=hquXgBQf63Q http://www.youtube.com/watch?v=pvIdhfLNZrM